มอเตอร์โชว์ 2025: GWM TANK 500 ราคา 2 ล้านกว่า บ่นกันว่า "แพง" เพราะออปชั่นเต็มคันหรือถูกเทียบกับเจ้าตลาด?!รถยนต์ SUV 7 ที่นั่งขนาด "Big Size" และเป็นเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดในประเทศไทยยังถือว่า GWM TANK 500 เป็นรุ่นเดียวที่ราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท กับขนาดมิติตัวรถใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน คือ 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ เพราะถ้าลองเทียบเคียงกับแบรนด์ดังแบรนด์หรูเครื่องยนต์เบนซินในรถระดับนี้ราคาขยับไประดับ 3 ล้านบาทขึ้นไป
GWM TANK 500 ขายใคร?
ที่นี่มาวิเคราะห์ว่า GWM TANK 500 มันควรจะจัดอยู่ในรถของกลุ่มใครบ้าง ย้อนกลับไปหลาย 10 ปี จะมีรถ SUV คันใหญ่โตจากค่ายดัง ๆ ทั้งญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกันมากมายที่วิ่งบนถนนเมืองไทย ส่วนมากจะเป็นรถคันใหญ่ ช่วงล่างคานแข็งบ้าง แหนบด้านหลังบ้าง บางรุ่นก็ใช้คอยสปริงที่ล้อหลังบ้าง รถกลุ่มนี้คาดว่าจะเป็นคนที่ชื่นชอบความเป็น "สุดยอดของออฟโร้ดสุดหรู" หรือว่าเรียกว่า "King of Luxury Off-Road" ก็น่าจะได้ (คิดเอง) เพราะความใหญ่โต ดูบึกบึนแข็งแรง ภายในสิ้่งอำนวยความสะดวกหรูหราและพรีเมี่ยมมาก ๆ ผมมองว่าเป็นกลุ่มคนระดับสูงหรือมีฐานะดีถึงดีมาก ๆ เพราะว่ารถในสมัยนั้นแต่ละคันใช้ขุมพลังใหญ่ ๆอย่างน้อยก็เบนซิน 6 สูบ เรียง 3.0 - 4.0 ลิตร หรือบางรุ่นเป็นวี 8 สูบ 4.0 -5.0 ลิตรด้วยซ้ำ
กลุ่มผู้ชื่นชอบรถเหล่านี้มักไม่เน้น "ความประหยัดน้ำมัน" เพราะทราบกันดีว่ารถคันใหญ่มาก ๆ "กินจุดุดัน" เป็นเรื่องปกติกับรถที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 2 ตันและเป็นเครื่องยนต์เบนซินอีกด้วย สมัยนั้นแทบจะไม่มีระบบเทอร์โบเข้ามาเพราะถ้าแม้จะขับมันขึ้นก็คงต้องขุดบ่อย้ำมันเองหลังบ้านใว้ใช้เองแน่ ๆ ครับ ระดับหัวจ่าย 2 - 5 กม./ลิตร มีให้เห็น และมียุคหนึ่งที่ผู้ใช้รถกลุ่มนี้บางคันต้องนำไป "ดมแก๊ส" กันแม้จะไม่ได้ส่งผลเสียมากนักถ้าติดตั้งอย่างดีมีมาตรฐาน แต่ก็ขาดความเป็น Original ขอรถคันนั้และมูลค่าของรถก็หายไปด้วย
ในปัจจุบันเทคโนโลยีหลายอย่างเป็นไป รถยนต์ระดับ Big Size เหล่านี้มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้มากมาย ทั้งเบนซินไฮบริด ดีเซลเทอร์โบ แต่โดยรวมแล้ว ตัวรถที่มีน้ำหนักมาก ๆ ระดับนี้ ก็ใช่ว่าจะหนี้เรื่องอัตราบริโภคน้ำมันให้ต่ำลงได้มากนัก แต่โดยรวมก็นับว่าดีขึ้นจากสมัยก่อนมากแล้ว อย่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบไฮบริด จะอยู่ราว ๆ 7 - 10 กม./ลิตร* ส่วนดีเซลเทอร์โบก็จะแถว ๆ10 - 14 กม./ลิตร* (ขึ้นกับการขับขี่แต่ละบุคคล)
GWM TANK 500 นับเป็นรถจากค่ายประเทศจีนที่เล็งเห็นช่องว่างระหว่างวัยตรงนี้ นั่นคือ เรื่องของสมรรถนะ, ขนาดตัวรถที่ใหญ่โต และราคาที่เหมาะสม คนทั่วไปสัมผัสได้ และขณะเดียวกันก็มีทรัพยากรเครื่องยนต์ที่มีอยู่และใช้งานในรถรุ่นอื่น ๆ อยู่แล้ว จึงนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้เหมาะสมกับ Tank 500 พร้อมกับปรับปรุงระบบการขับขี่ ระบบขับเคลื่อนทันสมัยของ 4X4 และโหมดการขับขี่ที่เลือกให้เข้ากับสภาพการใช้งานได้แทบจะเหมือนกับในรถแบรนด์หรูหราระดับ 4 - 5 ล้านบาท ออกมาในราคาค่าตัวลดลงเหลือ 2 ล้านกว่าบาท แต่ได้สมรรถนะระบบเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัยเทียบเท่ากัน
GWM TANK 500 ไม่ใช่รถที่ดีที่สุด และก็ไม่สามารถและไม่ควรจะขึ้นไปแข่งหรือเทียบชั้นกับรถยุโรป ญี่ปุ่นและอเมริกันสุดหรูหราได้ แต่จุดเด่นของ Tank 500 ก็นับว่าพอจะมีให้ผู้จ่ายเงินสามารถนำไปใช้งานได้คุ้มค่าและในทุกสภาพถนน ระบบความปลอดภัยและฟังก์ชั่นความสะดวกสบายที่อยู่ในราคาประหยัดลงมาก และในปัจจุบันผมมองว่า GWM ในประเทศไทยแข็งแกร่งในระดับที่ไว้ใจได้มากกว่าสมัยเข้ามาทำตลาดช่วงแรก ๆ
ฟังก์ชั่นแบบพรีเมี่ยมหรูที่จับต้องได้
GWM TANK 500 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นในงานที่มากมายพอกับความอลังการของตัวรถ ระบบสมาร์ทคีย์ เพียงเดินเข้าใกล้ระยะรีโมท รถจะตอบรับและกางกระจกมองข้างกับบันไดข้างพร้อมปลดล็อคประตูทันที และเมื่อเดินออกห่างหลังจากดับเครื่องยนต์ก็จะปิดล็อคประตูหุบกระจกและบันได้ข้างเช่นกัน
เบาะคนขับปรับเลื่อนถอยออกและพวงมาลัยขยับเลื่อนขึ้นแบบ "Welcome Seat" เข้าออกสะดวกสบาย แบบปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง NAPPA เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง เมื่อปิดประตูเบาะกับพวงมาลัยก็จะขยับกลับเข้าที่เดิมที่เคยปรับเอาไว้ และเมื่อกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์มาตรวัดและจดกลางก็มีกราฟฟิกต้อนรับแบบสวยงาม และไม่ต้องห่วงบันไดข้างรถที่กางออกเมื่อรถเคลื่อนที่ออกไปราว ๆ 5 กม./ชม. ก็จะพับเก็บอัตโนมัติ
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) เพิ่มความสะดวกสบายและคล่องตัวในการขับขี่ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ จอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่าง ๆ ลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมกับ Head-Up Display และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ (พื้นที่สัมภาระด้านท้ายสูงสุด 1,400 ลิตร เมื่อพับเบาะเรียบ)
เมื่อเข้าเกียร์เดินหน้า "D" ครั้งแรกก็จะมีเสียงเหมือนยานอวกาศกำลังเคลื่อนที่ หรือ เสียงยิ่งจรวดอวกาศ (ประมาณนั้น) ตัวหัวเกียร์เป็นแป้นขนาดใหญ่จับประชับมือ และเป้นระบบไฟฟ้า เพียบแค่โยกไปหน้า-หลังเบา ๆ เท่านั้น ตรงฐานเกียร์เต็มไปด้วยปุ่มสั่งการทำงานมากมาน หลัก ๆ คือ ปุ่มกลม ๆ ตรงกลางเป็นการเลือกใช้ด้วยโหมดการขับขี่ 11 โหมด (ปกติ/ สปอร์ต/ ประหยัด/ อัตโนมัติ/ พื้นโคลน/ พื้นทราย/ พื้นหิน/ 4H/ พื้นหิมะ/ 4L/ เชี่ยวชาญ) และเพิ่มความสะดวกสบายด้วยปุ่มเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง
ขุมพลังไม่แรงมากแต่ออกตัวทันใจเร่งแซงไม่อายใคร
TANK 500 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ TANK ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน-เมตร และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 9 สปีด(9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด รองรับการขับขี่ที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ
การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งถือว่าทำได้ดี ทันใจมาก ๆ มีอาการรอรอบเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในช่วงความเร็วต่ำ ๆ ถึงปานกลาง อาจทำให้หงุดหงิดอยู่บ้าง เพราะรอบเครื่องยนต์+เกียร์ และระบบแปรผันกำลังระหว่างเครรื่องยต์และมอเตอร์ไฟฟ้าดูจะยัง งง ๆ เมื่อเร่งแซงในจังหวะนัน้จะมีอาการนิ่ง ๆ รอการตอบสนองเล็กน้อย ก่อนจะเร่งขึ้นไปแบบ "กระชาก" ทีหลัง ทำเอาถอนคันเร่งแทบไม่ทัน ตรงจุดนี้ผู้ขับขี่ต้องระวังเป็นพิเศาครับ จากการผสานกำลังและเกียร์อาจทำให้ช่วงความต่ำถึงกลางแบบนี้ใช้เวลาในการ "คิดนานหน่อย" หรือดีเลย์ไปบ้างซึ่งก็แล้วแต่สถานการณ์นั้นอีกด้วย
ส่วนตัวมองว่าผู้ขับขี่ต้องทำความเข้าใจให้คุ้นเคยมาก ๆ แต่ก็ยังมีข้อดีในการใช้ความเร็วสูง ๆ นั้นกลับให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมมาก ๆ มีนิสัยเหมือนกับพวกเครื่องยนต์ Big Block V 6/V8 ที่ให้กำลังในช่วงความเร็วปลาย ๆ แบบเติมคันเร่งเป็นมาตามเท้า แต่ก็ไปสุดที่ความเร็ว ๆ ไม่เกิน 190 กม./ชม. ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการใช้งานรถระดับนี้แล้วครับ
ระบบเบรกดีมาก เบาเท้าเอาอยู่แน่ ๆ นอน แต่!! ระบบช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลมาก ๆ จึงมีอาการ "โยน ยวบ ย้วย" ครบทีมเลย ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องปกติของ SUV สูง ๆ คันใหญ่น้ำหนักเยอะอยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก ความจริงแล้วรถประเภทนี่ก็เน้นการใช้งานที่สะดวกสบาย นุ่มนวลให้กับการเดินทางสำหรับครอบครัว 5 - 7 คน แบบสบาย ๆ อย่าไปขับซิ่งแบบรถคันเล็ก ๆ หรือขับความเร็วเกินกฎหมายจะดีกว่าครับ
ฟังก์ชั่นในการขับขี่ที่น่าสนใจ
พวงมาลัยปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ เบา/สบาย/สปอร์ต มี Head-up Display สะท้อนกระจกหน้า แพดเดิ้ลชิฟเล่นเกียร์ได้ หลังคาพาดนรามิค ยาวถึงตอนหลัง พร้อมม่านไฟฟ้า ท่านบังแดดกระจกคู่หลัง ช่องแอร์ตอนหลังและแยกควบคุมได้อิสระ ตัวเบาะพับแบนราบ กระตูท้ายแบบสวิตช์ไฟฟ้าปิดเบา ๆ ก็สนิทด้วยระบบดูด ระบบกลับรถในที่แคบบนทางลื่น ๆ Tank turn ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ 3 รูปแบบ โหมดขับขี่ 11 โหมด เป็นต้น
แต่ก็ยังมีสิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนคือ "ก้านไฟเลี้ยวครับ" เป็นก้านระบบใหม่มาก ที่เมื่อโยกไปตามทิศทางต้องการแล้วมันจะเด้งกลับที่เดิม ไม่ว่าจะโยกสั้น ๆ แบบ กระพริบ 3-4 ครั้ง หรือ จะโยกเต็ม ๆ เพื่อเปิดค้าง ก้านก็จะเด้งกลับตรงกลาง ทีนี่เวลาต้องการเปิดแค่สั้น ๆ ผู้ขับจะต้องตั้งใจในการ "โยกซ้ำเบา ๆ แผ่ว ๆ เป็นการยกเลิก" ซึ่งยากมากต้องใช้งานชินและสมาธิมาก ๆ ทำให้เกินการพะวง ไหนจะต้องมาองทาง ขับไปข้างหน้า ดูรอบคัน แล้วยังต้องมาตั้งใจโยกก้านไฟเลี้ยวให้ยกเลิกการใช้อีก อันนี้ถือว่าไม่เวิร์คครับ กลับไปเป็นแบบเดิมน่าจะสะดวกและปลอดภัยมากกว่า
ระบบ Off-Road ที่มีในรถระดับหลายล้านแต่ GWM TANK 500 มีให้ครบถ้วน
มาดูกันอีกครั้งคัดแบบเด่น ๆ กันเลยครับว่าฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่อยู่ในรถหรูราคาสูง ๆ มากองกันใน Tank 500 แทบจะหมดทุกระบบแล้ว ยิ่งระบบเกี่ยวการขับขี่ Off-Road ถือว่ามาแบบหมดตัวไม่มีกั๊ก
ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
ฟังก์ชั่นเด่น ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้ และน่าจะมีรถระดับนี้ไม่กี่รุ่นที่ให้ระบบนี้มาซึ่งค่าตัวก็แรงตามไปด้วย
ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body transparent) เพิ่มมุมมอง วิสัยทัศน์ด้วยมุมภาพใต้ท้องรถ ให้คุณก้าวข้ามผ่านอุปสรรคได้ง่ายขึ้น
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด(Off-road cruise control) ระบบจะช่วยควบคุมเครื่องยนต์และเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อขับเคลื่อนรถในความเร็วต่ำ ช่วยผู้ขับขี่ในการควบคุมรถบนเส้นทางออฟโรด
ฟังก์ชั่นพื้นฐานทั่วไป
การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command)
GWM Application: ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อคและปลดล็อคประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง ปิดซันรูฟ การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ
เบาะนวด-เป่าลม-"Welcome Seat"
บันไดกางและพับเก็บอัตโนมัติ
ประตูท้ายไฟฟ้าระบบ "ดูด" เบาแรง
เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยปลอดภัยครบถ้วน
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ(Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
ฟังก์ชั่นเด่น ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
ฟังก์ชั่นเด่น ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและตอนสตาร์ตรถ
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA&RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
เซนเซอร์กะระยะ 6 จุดด้านหน้า และ 6 จุดด้านหลัง
ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน
ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
ฟังก์ชั่นเด่น ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย
ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
ฟังก์ชั่นเด่น ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
แพงสำหรับบางกลุ่ม ถูกสำหรับ "เนื้อคู่"
GWM TANK 500 Hybrid SUV รถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียมในค่าตัวระดับนี้ อาจมองว่า "คนเป็นผู้เลือกรถ" ในกรณีใช้งบประมาณเป็นที่ตั้ง แต่ในรถบางรุ่นกลายเป็นว่า "รถเลือกคน" เมื่อใช้ความต้องการเป็นที่ตั้ง โดยในกลุ่มรถราคาระดับนี้มีตัวเลือกมากมายและเป็นแบรนด์เจ้าตลาด หากจะขอลองขยับขึ้นไปเทียบชั้นกับกับรถระดับหรูหราราคาสูง ๆ ก็ยังพอจะวัดกันได้ในเรื่อง ฟังก์ชั่นการใช้งาน ฟังก์ชันระบบขับขี่ ฟังก์ชั่นระบบ Off-Road และเป็นรถแบบ 7 ที่นั่งขนาดใหญ่อีกด้วย
ส่วนตัวมองว่านราคาก็ไม่ได้แพงมากมายเกินไป สำหรับกลุ่มคนที่ชื่อชอบรถพรีเมี่ยมหรูสายลุย ราคาต่ำกว่าแบรนด์หรูดัง ๆ เกือบครึ่ง สมรรถนะไม่แตกต่างมากนัก อัตราสิ้นเปลืองไม่ใช่ประเด็นหลัก TANK 500 ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและต้องไปทดลองขับขี่ ลองฟังก์ชั่นที่มีให้ใช้งาน หากไม่เกี่ยงกับคำว่า "รถจีน" ไม่ยึดติดอะไรเดิม ๆ และในปัจจุบัน GWM ก็มีการเอาใจใส่ดูแลบริการหลังการขายที่ไม่น้อยหน้าค่ายหลัก ๆ ในไทย ไปลองจับและสัมผัสดูก่อนจะคิดในใจว่า "ยี้รถจีน" แล้วมองข้าม อย่างน้อย ๆ ก็ไปลองดูไม่เสียหายอะไรครับ
All-New GWM Tank 500 PRO ราคา 2,049,000 บาท
All-New GWM Tank 500 ULTRA ราคา 2,269,000 บาท