ผ้ากันไฟ โรงงานที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบเมื่อกล่าวถึงผ้ากันไฟสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ "ผ่านมาตรฐานการทดสอบ" นั่นหมายถึงผ้าดังกล่าวได้รับการผลิตและทดสอบตาม มาตรฐานสากลที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและการหน่วงไฟ มาตรฐานเหล่านี้จะครอบคลุมคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความทนทานต่อเปลวไฟ ความร้อน สะเก็ดไฟ การฉีกขาด และการไม่ก่อให้เกิดสารพิษ
มาตรฐานการทดสอบผ้ากันไฟที่สำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม:
การที่ผ้ากันไฟจะถือว่า "ผ่านทุกมาตรฐาน" นั้น มักจะอ้างอิงถึงมาตรฐานหลักๆ ดังนี้:
NFPA (National Fire Protection Association) - สหรัฐอเมริกา:
NFPA 701 (Standard Methods of Fire Tests for Flame Propagation of Textiles and Films): เป็นมาตรฐานที่ใช้ทดสอบคุณสมบัติการไม่ลามไฟของสิ่งทอและฟิล์ม มักใช้กับผ้าม่าน หรือวัสดุตกแต่งภายในอาคาร แต่ก็เป็นพื้นฐานในการประเมินคุณสมบัติการหน่วงไฟ
NFPA 51B (Standard for Fire Prevention During Welding, Cutting, and Other Hot Work): แม้ไม่ใช่มาตรฐานสำหรับผ้าโดยตรง แต่เป็นมาตรฐานที่กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับงาน Hot Work ซึ่งรวมถึงการใช้ผ้ากันไฟเป็นมาตรการป้องกัน
NFPA 2112 (Standard on Flame-Resistant Garments for Protection of Industrial Personnel Against Flash Fire): แม้จะเน้นที่เสื้อผ้าป้องกัน แต่ก็สะท้อนถึงมาตรฐานสำหรับวัสดุที่ใช้ทำผ้ากันไฟที่มีคุณสมบัติเฉพาะทาง
EN ISO (European Standard - International Organization for Standardization):
EN ISO 11611 (Protective clothing for use in welding and allied processes): มาตรฐานสำหรับเสื้อผ้าป้องกันที่ใช้ในงานเชื่อมและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผ้ากันไฟก็ควรมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยในงานประเภทนี้
EN ISO 11612 (Protective clothing - Clothing to protect against heat and flame): มาตรฐานสำหรับเสื้อผ้าที่ให้การป้องกันความร้อนและเปลวไฟ ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติของวัสดุ
EN ISO 6940 / 6941 (Flame spread - determination of flame spread on vertically oriented specimens): มาตรฐานที่ใช้วัดการลามไฟบนตัวอย่างสิ่งทอที่วางในแนวตั้ง
EN 469 (Protective clothing for firefighters): มาตรฐานสำหรับชุดนักผจญเพลิง ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำชุดเหล่านี้ (เช่น ผ้าที่ทำจากเส้นใย Aramid) ก็มักจะนำมาประยุกต์ใช้กับผ้ากันไฟในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการป้องกันสูง
ASTM (American Society for Testing and Materials) - สหรัฐอเมริกา:
ASTM D6413 (Standard Test Method for Flame Resistance of Textiles (Vertical Test)): เป็นวิธีทดสอบมาตรฐานสำหรับการประเมินความสามารถในการติดไฟของสิ่งทอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชุดป้องกัน
ASTM E162 (Surface Flammability of Materials Using a Radiant Heat Energy Source): ใช้ประเมินความสามารถในการลามไฟบนพื้นผิวของวัสดุ
UL (Underwriters Laboratories) - สหรัฐอเมริกา:
UL 94 (Tests for Flammability of Plastic Materials for Parts in Devices and Appliances): แม้จะเน้นที่พลาสติก แต่บางครั้งก็มีการอ้างอิงถึงการทดสอบคุณสมบัติการหน่วงไฟของวัสดุ
คุณสมบัติที่บ่งบอกว่า "ผ่านทุกมาตรฐาน" สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม:
โรงงานที่ต้องการผ้ากันไฟที่เชื่อถือได้ ควรมองหาผ้าที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ และมีเอกสารรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ:
ทนความร้อนสูงพิเศษ: สามารถทนอุณหภูมิใช้งานต่อเนื่องได้ตามที่ระบุ และมีอุณหภูมิสูงสุดในระยะสั้นที่สูงเพียงพอสำหรับงานที่เกี่ยวข้อง
ไม่ลุกติดไฟ / ไม่ลามไฟ: เมื่อสัมผัสเปลวไฟ ผ้าจะไม่ติดไฟ หรือไฟจะดับเองภายในเวลาอันสั้น และไม่เกิดการลามไฟไปบนผิวผ้า
ป้องกันการทะลุผ่านของสะเก็ดไฟ (Spark/Slag Resistance): สะเก็ดไฟจากการเชื่อมหรือตัด ไม่สามารถเผาไหม้หรือทำให้ผ้าเป็นรูทะลุได้ง่าย
ทนทานต่อการฉีกขาดและสึกหรอ: มีความแข็งแรงเพียงพอต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมโรงงาน
ไม่ก่อให้เกิดสารพิษเมื่อถูกความร้อน: ผ้าคุณภาพดีจะไม่ปล่อยควันหรือก๊าซพิษที่เป็นอันตรายในปริมาณมากเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง
ปราศจากใยหิน (Asbestos-Free): เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ต้องมีในปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน
มีการเคลือบผิวที่เหมาะสม (หากมี): เช่น การเคลือบซิลิโคน เพื่อลดการระคายเคือง กันน้ำ/น้ำมัน และเพิ่มความทนทานต่อสะเก็ดไฟ
คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ:
ขอเอกสารรับรอง: ผู้ประกอบการควรขอใบรับรองหรือผลการทดสอบจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับสำหรับผ้ากันไฟที่จะนำมาใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่อ้างถึงจริง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้จำหน่ายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เพื่อเลือกประเภทและคุณสมบัติของผ้ากันไฟที่เหมาะสมที่สุดกับลักษณะงานและความเสี่ยงเฉพาะของโรงงาน
การเลือกผ้ากันไฟที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน และชื่อเสียงของโรงงานในระยะยาว