สาเหตุของ โรคไตไตวาย
ไตวายสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสูญเสียเลือดหรือน้ำในร่างกายมากเกินไป ป่วยด้วยภาวะความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานมาเป็นระยะเวลานาน อาการแพ้อย่างรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต หรือเกิดการติดเชื้อรุนแรงจนทำให้ไตถูกทำลาย การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายล้มเหลวจนทำให้เลือดไหลเวียนไปยังไตไม่เพียงพอ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไปจนเกิดภาวะไตเสื่อม มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ ได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายจนทำให้ไตทำงานหนักขึ้น เกิดอุบัติเหตุโดยตรงบริเวณไต หรือไตเสื่อมตามอายุ เป็นต้น
ไตอักเสบ
ไตอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางครั้งอาจไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเป็นผลมาจากกรรมพันธุ์ หรือปัจจัยอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตค็อกคัส (Streptococcus) การอักเสบของเยื่อบุหัวใจจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Endocarditis) การติดเชื้อไวรัส การอักเสบจากโรคในระบบภูมิคุ้มกัน และกลุ่มโรคมะเร็งต่าง ๆ เป็นต้น
กรวยไตอักเสบ
กรวยไตอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. Coli) ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบต่อเนื่องจากกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ บางกรณีเชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายเข้าสู่กรวยไตผ่านทางกระแสเลือดได้ โดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อในข้อเทียมหรือลิ้นหัวใจเทียม
นิ่วในไต
นิ่วในไตอาจเกิดจากปริมาณของเกลือ แร่ธาตุ และสารต่าง ๆ เช่น แคลเซียม กรดออกซาลิก และกรดยูริกในปัสสาวะมีระดับเปลี่ยนแปลงไป โดยมีปริมาณมากเกินกว่าของเหลวในปัสสาวะจะละลายหรือเจือจางสารเหล่านี้ได้ จนเกิดการเกาะตัวเป็นก้อนนิ่วในที่สุด โดยการเกิดนิ่วในไตอาจมีปัจจัยจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารบางชนิดที่มีเกลือ น้ำตาล และโปรตีนสูง การดื่มน้ำไม่มากพอในแต่ละวัน การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ โรคเมตาบอลิก รวมถึงการใช้ยาบางชนิดอย่างยารักษาโรคเก๊าท์บางประเภท และการรับประทานวิตามินดีเสริมมากเกินไป เป็นต้น
อาการของ โรคไต
อาการของโรคไตแตกต่างกันไปตามชนิดของการเจ็บป่วย เช่น
ไตวายเป็นภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือด จนไม่สามารถขับของเสียออกมาจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะได้ ทำให้มีของเสียตกค้างในร่างกาย อีกทั้งยังทำให้ระดับน้ำ เกลือแร่ และแร่ธาตุต่าง ๆ ในร่างกายเกิดความไม่สมดุล โดยอาการของโรคขึ้นอยู่กับชนิดของไตวาย ดังนี้
ไตวายเรื้อรัง อาการของไตวายเรื้อรังจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันในคราวเดียว แต่จะค่อย ๆ แสดงอาการออกมาเป็นระยะ โดยแบ่งออกเป็น 5 ระยะตามระดับค่าประเมินการทำงานของไต ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตั้งแต่ไตอักเสบ พบภาวะโปรตีนรั่วออกมาปะปนในเลือดหรือในปัสสาวะ หากไตทำงานลดลงอย่างต่อเนื่องจนรุนแรง จะมีอาการ มึนงง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผิวแห้งและคัน กล้ามเนื้อเป็นตะคริวบ่อย มีอาการบวมน้ำ ปัสสาวะน้อยลง โลหิตจาง ตลอดจนอาการอื่น ๆ ของเสียสมดุลของแร่ธาตุในร่างกายอย่างแคลเซียม ฟอสเฟต หรือสารต่าง ๆ ในเลือด ซึ่งหากอาการเหล่านี้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ไตวายเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด โดยผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ เลย หรืออาจเริ่มมีอาการจากปัสสาวะน้อยลงหรือไม่ปัสสาวะเลย มีอาการบวมที่ขาและเท้า เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกมึนงง อ่อนเพลีย หรือง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา อาจมีอาการหายใจถี่ ไปจนมีอาการรุนแรงอย่างชักหรือหมดสติ และเข้าสู่ภาวะโคม่าแบบเฉียบพลันได้
ไตอักเสบ
ไตอักเสบเป็นภาวะการอักเสบของกลุ่มเลือดฝอยในไต ซึ่งทำหน้าที่กรองของเหลวส่วนเกินหรือของเสียที่ปะปนมาในกระแสเลือดให้กลายเป็นปัสสาวะ โดยไตอักเสบบางครั้งอาจนำไปสู่ไตวายได้ ผู้ป่วยอาจทราบว่าเป็นโรคไตอักเสบได้จากการตรวจปัสสาวะ หรืออาการที่เป็นสัญญาณบ่งชี้การอักเสบของไต เช่น มีการปนเปื้อนของเซลล์เม็ดเลือดแดงในปัสสาวะจนทำให้ปัสสาวะกลายเป็นสีชมพูหรือสีโคล่า มีอาการบวมน้ำ มีความดันโลหิตสูง ปัสสาวะเป็นฟอง อ่อนล้า เหนื่อย เพลีย ปวดข้อ เป็นผื่น เป็นต้น
กรวยไตอักเสบ
กรวยไตอักเสบเป็นภาวะติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกรวยไตซึ่งอยู่ระหว่างไตกับท่อไต ผู้ป่วยกรวยไตอักเสบจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้องและเร่งด่วน เนื่องจากอาจทำให้ไตเสียหายถาวร หรือติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ โดยอาการที่มักพบเมื่อป่วยด้วยกรวยไตอักเสบ ได้แก่ มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส รู้สึกหนาวสั่น เจ็บปวดบริเวณหลังหรือสีข้าง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะบ่อย รู้สึกปวดปัสสาวะตลอดเวลา เจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น มีสีขุ่น มีหนองหรือเลือดปนมากับปัสสาวะ
นิ่วในไต
นิ่วในไตเกิดจากแร่ธาตุแข็งชนิดต่าง ๆ รวมตัวกันเป็นก้อนนิ่วอยู่ภายในไต หรือเคลื่อนตัวไปต่อท่อไต โดยอาจสร้างความเจ็บปวดทรมานให้ผู้ป่วยได้อย่างมากหากก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่จนไปปิดกั้นและสร้างแผลบาดเจ็บที่ท่อไต อาจมีอาการปวดร้าวลงไปถึงบริเวณขาหนีบ ปวดท้องหรือเอวบีบเป็นระยะ ปวดรุนแรงเป็นช่วง ๆ ปัสสาวะเป็นเลือดหรือมีสีแดง ชมพู และน้ำตาล เป็นต้น ซึ่งหากมีการติดเชื้อร่วมด้วยอาจทำให้เกิดอาการ เช่น หนาวสั่น เป็นไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดบริเวณหลังหรือช่องท้องด้านล่างข้างใดข้างหนึ่ง ปวดปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะน้อย ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นแรง เจ็บปวดขณะปัสสาวะ