แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 22
1
อย่างที่หลายๆท่านอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า การจัดฟันมักเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่ยังมีทัศนคติเกี่ยวกับการจัดฟันว่า นอกจากจะเป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่ช่วยให้ฟันที่ผิดปกติกลับมาเรียงตัวสวยงาม ยังถือได้ว่าเป็นแฟชั่นยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นเป็นอย่างมากอีกด้วย และที่สำคัญการจัดฟันมักเป็นที่นิยมในช่วงอายุ 12 – 15 ปี เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่เหมาะสม ในเรื่องของการรักษาที่ง่าย และได้ประสิทธิภาพสูง ต่างจากช่วงวัย 30 ขึ้นไป ที่การรักษาด้วยการจัดฟันนั้นจะยากขึ้นไปอีก แถมบางท่านยังอาจจะเขินอายที่จะต้องใส่อุปกรณ์ดัดฟัน แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น การจัดฟันสามารถทำได้ทุกช่วงอายุนั่นเอง

ในวันนี้ทางด้านของ Clinic จะขอมาแนะนำการจัดฟันในผู้สูงอายุให้ได้ทำความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นถึงข้อจำกัดทางอายุในการจัดฟัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไป

 

ข้อจำกัดในการจัดฟันของผู้สูงอายุ

ต้องขอบอกว่าการจัดฟันในช่วงที่มีอายุมาก อาจจะเกิดปัญหาเรื่องสุขภาพต่างๆที่ไม่แข็งแรงเหมือนในวัยเด็ก ซึ่งอาจจะมีข้อจำกัดในการจัดฟันหลายๆอย่างดังต่อไปนี้


– ไม่สามารถช่วยปรับเปลี่ยนโครงสร้างของใบหน้าได้

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้มีความเข้าใจหนึ่งว่า การจัดฟันนั้นจะช่วยเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้าได้ จึงทำให้มีผู้สูงวัยจำนวนมาก ที่รักความสวยความงามมาทำการจัดฟันเพราะเหตุนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นผู้สูงวัยเมื่อทำการจัดฟัน จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของโครงหน้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าความเข้าใจแบบนี้จะผิด เพราะ หากว่ามาทำการจัดฟันตั้งแต่ในวัยเด็กเล็กๆในช่วงวัยกำลังเจริญเติบโต ก็จะสามารถทำให้โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนไปได้

แต่ถ้าหากว่าในวัยผู้สูงอายุมุ่งหวังที่จะจัดฟันเพื่อนเปลี่ยนโครงสร้างของใบหน้าจริงๆ แนะนำว่าควรจัดฟันคู่กับการทำศัลยกรรมผ่าตัดกระดูกขากรรไกร


– การเคลื่อนตัวเข้าที่ของฟันช้า

หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ผู้ที่มีอายุมากจะใช้เวลาในการจัดฟันที่นานมาก เนื่องจากว่าในวัย 30 ปีขึ้นไป โครงสร้างของกระดูกในส่วนต่างๆนั้นเจริญเติบโตเต็มที่มาเป็นระยะเวลานานแล้ว การเคลื่อนที่ต่างๆจึงเป็นไปได้อย่างยากและช้า เมื่อเทียบกับในวัยเด็กที่มาทำการจัดฟันที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต กระดูกส่วนต่างๆจึงทำการเคลื่อนที่เคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็วกว่ามาก

แต่ถ้าหากว่าผู้สูงอายุต้องการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันด้วยกระบวนการจัดฟันจริงๆแล้วล่ะก็ ควรต้องใจเย็นๆเพราะกว่าจะเห็นผลคงต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรเลย


– สุขภาพช่องปากเสื่อมโทรมมากกว่า

ในวัยผู้สูงอายุที่ช่องปากผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลาที่นาน ทำให้ฟันอาจจะไม่มีความแข็งแรงเท่ากับในวัยเด็ก หรือวัยหนุ่มสาว เมื่อทำการจัดฟันไปแล้วจำเป็นที่จะต้องดูแลช่องปากอย่างจริงจังกว่าปกติมาก เพราะมีโอกาสที่สุขภาพฟันจะเสื่อมโทรมนั้นมีมากกว่าในวัยเด็กอย่างแน่นอน และหากว่าฟันมีปัญหาในขณะจัดฟัน จะยิ่งทำให้เสียเวลามากขึ้นกว่าเดิมในการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอีกด้วย


– ผู้สูงอายุมีข้อจำกัดของร่างกายมากกว่าวัยเด็ก

ต้องเข้าใจตามหลักการธรรมชาติว่าร่างกายเมื่อใช้ไปนานๆก็อาจจะทำให้มีโรคต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งหากว่าผู้สูงวัยที่ต้องการเข้ารับการจัดฟันแต่เป็นโรคเกี่ยวกับฟันหรือเหงือกอยู่ในขณะนั้น ก็ต้องทำการรักษาโรคในช่องปากต่างๆให้หายหมดเสียก่อนถึงจะสามารถทำการจัดฟันได้

แต่ถ้าหากว่าผู้สูงวัยที่จะทำการจัดฟันดูแลสุขภาพกายและช่องปากเป็นอย่างดี ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการเข้ารับการรักษาในระยะเวลาที่กำหนด แต่ในผู้สูงวัยจะไม่สามารถกระตุ้นกระดูกขากรรไกรแบบการจัดฟันในวัยเด็กได้


– การปรับตัวระหว่างการจัดฟันยาก

อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าการจัดฟันนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเคี้ยวอาหารที่ยากขึ้น การพูดคุยที่อาจจะไม่ชัด ความรู้สึกตึง และปวดฟัน ซึ่งอาการต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นนี้ หากเป็นในวัยเด็กจะสามารถปรับตัวได้รวดเร็วกว่าในวัยผู้สูงอายุ

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือข้อจำกัดเบื้องต้นของผู้สูงวัยที่ต้องการจัดฟัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากว่าดูแลสุขภาพช่องปากเป็นอย่างดี พบทันตแพทย์เป็นประจำ ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีปัญหาในการจัดฟันนั่นเอง

การจัดฟันในผู้สูงอายุ สามารถทำได้หรือไม่ ? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

2
วิตามินอี (Vitamin E) คืออะไร?

วิตามินอี (Vitamin E) คือ สารอาหารที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยบำรุงสมอง ดวงตา ผิงหนัง และเซลล์ในร่างกายของเราอีกด้วย วิตามินอีสามารถพบได้ทั่วไปในอาหาร เช่น ในถั่วอัลมอนด์ มะเขือเทศ ผักโขม และน้ำมันมะกอก การขาดวิตามินอี สามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดประสาท ปัญหาด้านสายตา และการแท้งบุตร แต่ในขณะเดียวกัน การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไป สามารถส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ เช่น อาการตกเลือด เป็นต้น ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจว่าบุคคลกลุ่มใดบ้างที่ควรจะระวังการรับประทานอาหารเสริมวิตามินอีเป็นพิเศษ หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจรับประทาน

วิตามินอีมีประโยชน์อย่างไร?

    วิตามินอีช่วยบำรุง สมอง ดวงตา ผิวพรรณ และเซลล์เม็ดเลือดแดง
    วิตามินอีช่วยปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
    วิตามินอีมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ หรือโมเลกุลที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ และโรคหัวใจ
    วิตามินอีอาจช่วยชะลอโรคอัลไซเมอร์ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในระยะแรกและระยะกลาง
    วิตามินอีสำคัญต่อระบบสืบพันธุ์ งานวิจัยพบว่า ปัญหา เช่น การแท้งบุตร และ ภาวะการคลอดก่อนกำหนด อาจเกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินอี


วิตามินอีอยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง?

วิตามินอีนั้นสามารถพบได้ในอาหารชนิดต่าง ๆ ทั้งผลไม้ ผักใบเขียว ธัญพืช และน้ำมันพืช อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอีนั้น ได้แก่

    ถั่วอัลมอนด์
    เฮเซลนัท
    มะม่วง
    ผลกีวี่
    มะเขือเทศ
    ผักโขม
    น้ำมันมะกอก
    น้ำมันทานตะวัน

ทุกวันนี้ เราสามารถพบสารสกัดวิตามินอีได้ทั้งในรูปแบบ แคปซูล ยาเม็ด ครีมทาผิว และน้ำมันวิตามินอี แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนนั้น ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพออยู่แล้ว นอกจากนี้ อาหารเสริมวิตามินอีอาจไม่สามารถมอบประโยชน์ได้เหมือนกับสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหารได้

ผลกระทบจากการขาดวิตามินอี มีอะไรบ้าง?

    การสลายของเม็ดเลือดแดง
    ภาวะกล้ามเนื้อสูญเสียการประสานสัมพันธ์กัน
    ปฏิกิริยาตอบสนองที่ต่ำกว่าปกติ
    ภาวะสูญเสียการรับรู้การเคลื่อนไหวของข้อต่อและความรู้สึกสั่นสะเทือน
    ภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดงในเด็กอ่อน
    ปัญหาเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ เช่น การแท้งบุตร และ ภาวะการคลอดก่อนกำหนด


จำเป็นต้องทานอาหารเสริมวิตามินอีไหม?

โดยปกติแล้ว คนเรามักได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพอจากการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การขาดวิตามินอีจึงเป็นภาวะที่หาได้ยาก และการทานอาหารเสริมวิตามินอีนั้นจึงไม่จำเป็นสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่หากมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะการขาดวิตามินอี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนรับประทานวิตามินอี

ถึงแม้วิตามินอีจะมีประโยชน์อันหลากหลายต่อสุขภาพ การรับประทานวิตามินอีอาจมีความเสี่ยงต่อผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด หรือผู้ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดได้

    โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไปนั้นอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ดังนั้น ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมองควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานอาหารเสริมวิตามินอี
    การผ่าตัดและทันตกรรม หากต้องได้รับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานอาหารเสริมวิตามินอีก่อนการผ่าตัดอย่างน้อยเวลา 2 สัปดาห์ หรือตามที่แพทย์แนะนำ เนื่องจากวิตามินอีเพิ่มความเสี่ยงของของการเลือดออก และเลือดหยุดไหลช้า
    การตั้งครรภ์และให้นมบุตร หากอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ พยายามที่จะตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างช่วงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจรับประทานอาหารเสริมวิตามินอี
    โรคอื่น ๆ หากคุณมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ภาวะแพ้อาหารหรือยา ภาวะขาดวิตามินเค ภาวะเลือดออกผิดปกติ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง หรือโรคอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน


ปริมาณของวิตามินอีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน คือเท่าไหร่?

ปริมาณของวิตามินอีที่ร่างกายของวัยรุ่นและผู้ใหญ่ต้องการคืออย่างน้อย 15 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณของวิตามินอีที่ผู้ใหญ่สามารถรับได้สูงสุดต่อวันนั้นอยู่ที่ 1,000 มิลลิกรัม ในขณะที่เด็กอายุระหว่างหนึ่งถึงสามปีสามารถรับวิตามินอีได้สูงสุด 200 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ ปริมาณของวิตามินอีดังที่กล่าวมานี้ ไม่เป็นที่แนะนำในการรับประทานนอกจากแพทย์เป็นผู้สั่งเท่านั้น

ผลข้างเคียงของการได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไป

การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไป สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น

    อาการแพ้: ระคายเคือง ผื่นผิวหนัง ลมพิษ ปากบวม ลิ้นบวม ใบหน้าบวม คอบวม
    ภาวะเลือดออกผิดปกติ ปัสสาวะสีแดงหรือสีเข้ม อาเจียนเป็นเลือด หรือ รอยช้ำที่ผิดปกติ
    อ่อนเพลีย
    อ่อนแรง
    ปวดศีรษะ
    คลื่นไส้
    ลำไส้เป็นตะคริว
    ท้องเสีย
    ตาพร่ามัว


วิตามินอีเก็บรักษาอย่างไร?

เก็บรักษาวิตามินอี ในอุณหภูมิห้อง (15 ถึง 30 องศาเซลเซียส) ให้พ้นจากแสงและความร้อน ทิ้งอาหารเสริมวิตามินอีเมื่อถึงวันหมดอายุ และเก็บให้พ้นจากมือเด็ก

วิตามินอี หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์อันหลากหลายต่อสุขภาพนั้นมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง ดวงตา ผิวหนัง และเซลล์ในร่างกายของเรา วิตามินอีสามารถพบได้ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น มะเขือเทศ ถั่วอัลมอนด์ มะม่วง ผักโขม และน้ำมันมะกอก การได้รับวิตามินอีในปริมาณที่มากเกินไป สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ ผื่นผิวหนัง และภาวะเลือดออกผิดปกติ ดังนั้น บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเลือดออกผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมวิตามินอี

 


วิตามินบำรุงสมอง: วิตามินอี คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

3
โรคเรื้อน (ขี้ทูต กุฏฐัง ไทกอ หูหนาตาเล่อ โรคใหญ่ โรคพยาธิ เนื้อตาย โรคผิดเนื้อ ก็เรียก) เป็นโรคติดต่อเรื้อรังชนิดหนึ่ง โรคนี้พบได้ทุกภาคของประเทศแต่จะพบมากทางภาคอีสาน ปัจจุบันพบได้น้อยลง (ในปี 2547 พบความชุกของโรคนี้เพียง 0.23 ราย ต่อประชากร 10,000 คน)

โรคเรื้อน สามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด ขึ้นกับระดับความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ได้แก่

1. โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด (indeterminate leprosy) ซึ่งเป็นโรคเรื้อนในระยะเริ่มแรก อาการแสดงยังไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 2-3 เดือน บางรายอาจมีอาการคงที่อยู่นาน และบางรายอาจแปรเปลี่ยนเป็นโรคเรื้อนชนิดอื่น ๆ

2. โรคเรื้อนชนิดทูเบอร์คูลอยด์ (tuberculoid leprosy) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในบ้านเรา ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ขนาดปานกลาง แต่ไม่สามารถขจัดเชื้อได้หมด เชื้อโรคเรื้อนสามารถเจริญได้ช้า ๆ ทำให้ผิวหนังชาและมีการทำลายเส้นประสาทตั้งแต่ในระยะแรก โรคเรื้อนชนิดนี้จะตรวจไม่ค่อยพบเชื้อ และไม่ติดต่อไปยังผู้อื่น การอักเสบมักจะบรรเทาได้เอง ภายใน 1-3 ปี แต่อาจมีอาการพิกลพิการได้

3. โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง (borderline leprosy) ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้น้อยกว่าชนิดที่ 2 แต่มากกว่าชนิดที่ 4 อาจตรวจพบเชื้อได้บ้าง แต่ติดต่อไปยังผู้อื่นได้ มีอาการและความรุนแรงก้ำกึ่งระหว่างชนิดทูเบอร์คูลอยด์กับชนิดเลโพรมาตัส

4. โรคเรื้อนชนิดเลโพรมาตัส (lepromatous leprosy) ผู้ป่วยไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ หรือถ้ามีก็น้อยมาก เชื้อโรคเรื้อนสามารถแบ่งตัวเป็นล้าน ๆ ตัว แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และตรวจพบเชื้อได้ง่าย จัดเป็นชนิดร้ายแรงและติดต่อได้ง่ายที่สุด เส้นประสาทจะถูกทำลายในระยะท้ายของโรค

นอกจากนี้ยังมีชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ (borderline-tuberculoid) มีความรุนแรงอยู่ระหว่างชนิดที่ 2 และ 3 และชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส (borderline-lepromatous) มีความรุนแรงระหว่างชนิดที่ 3 และ 4


สาเหตุ

เกิดจากเชื้อโรคเรื้อน ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีชื่อว่าไมโคแบคทีเรียมเลเพร (Mycobacterium leprae) เชื่อว่าติดต่อโดยการสัมผัสทางผิวหนังหรือสูดเข้าทางเดินหายใจ โรคนี้ติดต่อกันได้ยาก จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อนระยะติดต่อเป็นเวลานาน ๆ จึงจะรับเชื้อเข้าร่างกาย

ระยะฟักตัว เฉลี่ย 3-5 ปี (ต่ำสุด 6 เดือน และนานสุดเป็นเวลาหลายสิบปี)

ผู้ที่รับเชื้อโรคเรื้อน ไม่จำเป็นจะต้องกลายเป็นโรคเรื้อนทุกราย ทั้งนี้ขึ้นกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถ้าภูมิคุ้มกันเป็นปกติ มักจะหายได้เองหรือมีอาการอย่างอ่อน (ไม่ร้ายแรง) แต่ถ้าภูมิคุ้มกันผิดปกติ ก็อาจเป็นโรคชนิดร้ายแรงได้


อาการ

ระยะแรก (โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด) ผิวหนังจะเป็นวงขาวหรือสีจาง ขอบไม่ชัดเจน ผิวหนังในบริเวณนี้จะมีขนร่วงและเหงื่อออกน้อยกว่าปกติ แต่ยังไม่ค่อยรู้สึกชาและเส้นประสาทเป็นปกติ มักจะพบที่หลัง ก้น แขนและขา ระยะนี้อาจหายได้เอง หรืออาจมีอาการเปลี่ยนแปลงเป็นโรคเรื้อนชนิดอื่น

โรคเรื้อนชนิดทูเบอร์คูลอยด์ ส่วนมากจะมีผื่นเดียวเป็นวงขาว หรือสีจางขอบชัดเจน หรือเป็นวงขาว มีขอบแดงนูนเล็กน้อย หรือเป็นวงขาว ขอบนูนแดงหนาเป็นปื้น อาจมีสะเก็ดเล็กน้อยหรือไม่มีก็ได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-10 ซม. ตรงกลางผื่นจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อ และชา (หยิกหรือใช้เข็มแทงไม่เจ็บ หรือใช้สำลีแตะไม่มีความรู้สึก) พบบ่อยที่บริเวณหน้า ลำตัวและก้น โรคเรื้อนชนิดนี้จะตรวจไม่พบเชื้อ

บางครั้งอาจตรวจพบเส้นประสาทบวมโตที่ใต้ผิวหนังในบริเวณที่เป็นโรค หรืออาจคลำได้เส้น ประสาทอัลนา (ulnar nerve) ที่บริเวณด้านในของข้อศอก หรือเส้นประสาทที่ขาพับ (peroneal nerve) ตรงบริเวณใต้หัวเข่าด้านนอก หรือเส้นประสาทใหญ่ใต้หู (great auricular nerve) ตรงด้านข้างของคอ จะมีลักษณะเป็นเส้นแข็ง ๆ และอาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ส่วนมากจะตรวจพบเส้นประสาทบวมโตเพียงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายเท่านั้น

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ อาการทางผิวหนังคล้ายกับชนิดทูเบอร์คูลอยด์ แต่จะมีจำนวนผื่นมากกว่า การตรวจเชื้อจากผิวหนังพบได้บ้าง แต่ไม่มากนัก

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง ผิวหนังขึ้นผื่นเป็นวงแหวนหรือวงรี ขอบนูนแดงหนาเป็นมัน ขอบในชัดเจนกว่าขอบนอก ตรงกลางผื่นจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อแบบเดียวกับชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และจะชาน้อยกว่าชนิดทูเบอร์คูลอยด์ การตรวจเชื้อจากผิวหนังพบได้บ้างแต่ไม่มากนัก

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส และชนิดเลโพรมาตัส จะมีลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่จำนวนและการกระจายของรอยโรค และจำนวนเชื้อที่ตรวจพบจากผิวหนังหรือเยื่อบุจมูก

ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง ขอบเขตไม่ชัดเจนแล้วต่อมาจะหนาเป็นเม็ด เป็นตุ่มหรือเป็นแผ่น ผิวมักแดงเป็นมันเลื่อม ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่ชา ผื่นตุ่มเหล่านี้จะขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้างของร่างกาย พบบ่อยตามใบหน้า ใบหู ข้อศอก ข้อเข่า ลำตัว และก้น ขนคิ้วส่วนนอก (ส่วนหางคิ้ว) มักจะร่วง และขาบวม

ในระยะท้ายของโรค ผิวหนังจะเห่อหนา มีลักษณะหูหนาตาเล่อ และมีเส้นประสาทบวมโตพร้อมกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย เส้นประสาทที่พบได้บ่อย ได้แก่ เส้นประสาทอัลนา และเส้นประสาทใหญ่ใต้หู ทำให้มีอาการชา นิ้วมือนิ้วเท้างอ เหยียดไม่ออก มือหงิก เท้าตก นิ้วกุด หรือตาบอด

เยื่อบุจมูกมักมีอาการอักเสบตั้งแต่ในระยะแรก ๆ (มีอาการคันจมูก น้ำมูกมีเลือดปน) ต่อมาจะมีแผลเปื่อยที่ผนังกั้นจมูก จนทำให้จมูกแหว่ง นอกจากนี้ก็ยังมักจะมีการอักเสบของกระจกตา และเยื่อบุในช่องปากร่วมด้วย

โรคเรื้อนชนิดนี้ มักตรวจพบเชื้อจำนวนมาก แพร่กระจายโรคให้ผู้อื่นได้ง่าย มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจตายภายใน 10-20 ปี


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าไม่ได้รับการรักษา เส้นประสาทจะถูกทำลายทำให้มือเท้าชา กล้ามเนื้อมือเท้าอ่อนแรง กล้ามเนื้อฝ่ามือและหลังมือลีบ ข้อมือตก เดินเท้าตก

ถ้าเส้นประสาทที่หน้าเสีย จะทำให้หลับตาไม่ได้ ทำให้ตาอักเสบเป็นแผลกระจกตาและตาบอดได้

ผู้ป่วยมักมีแผลเปื่อยที่มือเท้า เนื่องจากมีอาการชา และอาจทำให้นิ้วมือนิ้วเท้ากุดหายไปได้

ในรายที่เป็นโรคเรื้อนชนิดเลโพรมาตัส อาจติดเชื้อวัณโรคได้ง่าย เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ

นอกจากนี้อาจมีการทำลายของกระดูก เป็นหมัน เนื่องจากอัณฑะฝ่อ หรือมีอาการทางไตร่วมด้วย


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ และจะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยทำการขูดผิวหนัง ใส่บนแผ่นกระจกใส และย้อมด้วยสีแอซิดฟาสต์ (acid fast stain) เช่นเดียวกับการตรวจเชื้อวัณโรค ถ้าเป็นชนิดเลโพรมาตัสและชนิดก้ำกึ่ง มักจะพบเชื้อโรคเรื้อน แต่ถ้าเป็นชนิดทูเบอร์คูลอยด์ อาจตรวจไม่พบเชื้อ

นอกจากนี้ อาจทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังและเส้นประสาทที่บวมโตไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เรียกว่า การตรวจชิ้นเนื้อ (biospy)

หรืออาจทำการทดสอบทางผิวหนัง เรียกว่า การทดสอบเลโพรมิน (lepromin test) ซึ่งจะให้ผลบวกในผู้ป่วยชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และให้ผลลบในผู้ป่วยชนิดเลโพรมาตัส


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้ยารักษาโรคเรื้อน ซึ่งมีให้เลือกใช้ 3 ชนิดได้แก่ แดปโซน (dapsone) หรือดีดีเอส (diaminodiphenyl sulphone/DDS) ไรแฟมพิซิน (rifampicin) และโคลฟาซิมีน (clofazimine) โดยเลือกใช้ให้เหมาะกับชนิดและความรุนแรงของโรค ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

1. ประเภทที่ตรวจไม่พบเชื้อ หรือเชื้อน้อยมากจนตรวจไม่พบ ได้แก่ โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด ชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ ให้ยาแดปโซน วันละครั้งทุกวันร่วมกับไรแฟมพิซิน เดือนละครั้ง นาน 6 เดือน ถ้าครบ 6 เดือนแล้วตรวจพบว่ามีอาการกำเริบ ให้การรักษาต่ออีก 6 เดือน

หลังจากนั้นควรตรวจร่างกายและตรวจเชื้ออย่างน้อยปีละครั้ง เป็นเวลา 3 ปี

2. ประเภทเชื้อมาก ได้แก่ โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง ชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส และชนิดเลโพรมาตัส ให้ไรแฟมพิซิน ร่วมกับโคลฟาซิมีนเดือนละครั้ง และให้แดปโซนร่วมกับโคลฟาซิมีนวันละครั้งทุกวัน อย่างน้อย 2 ปี จนกว่าตรวจไม่พบเชื้อและอาการไม่กำเริบ

หลังจากนั้นควรตรวจร่างกายและตรวจเชื้ออย่างน้อยปีละครั้ง เป็นเวลา 5 ปี


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อนมานาน และพบว่าผิวหนังเป็นวงขาวหรือสีจาง หรือเป็นวงขาวขอบนูนแดงหนาเป็นปื้น ตรงกลางผื่นไม่มีขนไม่มีเหงื่อ และมีอาการชา ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเรื้อน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ถ้ามีอาการชาของมือเท้า ควรระวังอย่าถูกของร้อน (เช่น บุหรี่ เตาไฟ น้ำร้อน) หรือของมีคม ควรใช้ผ้าพันมือเวลาทำงาน และสวมรองเท้าเวลาออกนอกบ้าน
    ผู้ป่วยควรนอนแยกต่างหากจากผู้อื่น และอย่าใช้เสื้อผ้าและของใช้ร่วมกับผู้อื่น


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มือเท้าชา หรืออ่อนแรง
    มีไข้ ไอเรื้อรัง ไอออกเป็นเลือด น้ำหนักลด
    หลับตาไม่ได้ หรือปวดตา ตาแดง น้ำตาไหล
    เกิดแผลเปื่อยที่มือและเท้า
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีไข้ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว ตาเหลืองตัวเหลือง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. อย่าอยู่ใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับผู้ป่วยระยะติดต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีเด็กอยู่ในบ้านเดียว กับผู้ป่วย ควรแยกเด็กออกต่างหาก อย่าให้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย จนพ้นระยะติดโรค (ตรวจไม่พบเชื้อบนผิวหนังของผู้ป่วย)

2. อย่าใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และของใช้ร่วมกับผู้ป่วย

3. หมั่นตรวจดูอาการทางผิวหนังของสมาชิกทุกคนในครอบครัวของผู้ป่วย ถ้ามีอาการน่าสงสัย ควรรีบไปตรวจที่โรงพยาบาล


ข้อแนะนำ

1. โรคเรื้อนเป็นโรคที่มีทางรักษาให้หายขาดได้ และถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะสามารถป้องกันมิให้เกิดความพิการได้ ผู้ป่วยควรกินยาตามแพทย์สั่งเป็นประจำอย่าหยุดยาเองจนกว่าแพทย์จะบอกให้เลิก และถ้ามีบาดแผลเกิดขึ้นควรรีบหาหมอโดยเร็วอย่าปล่อยให้ลุกลามจนพิการ

2. ถึงแม้จะรักษาให้พ้นระยะติดต่อ (เชื้อในร่างกายหมดไป) แต่ความพิการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มักจะเป็นอย่างถาวร แพทย์อาจแก้ไขด้วยการทำศัลยกรรมตกแต่งหรือวิธีการทางการแพทย์บำบัดต่าง ๆ

3. โรคเรื้อนไม่ใช่โรคกรรมพันธุ์ที่ติดไปชั่วลูกชั่วหลาน แต่เป็นโรคติดเชื้อที่ติดต่อได้ยากถ้ามีพ่อหรือแม่เป็นโรคเรื้อน หากแยกลูกอย่าให้ใกล้ชิดด้วยจนกว่าจะพ้นระยะติดต่อ ลูกก็จะไม่เป็นโรคนี้

4. โรคเรื้อนไม่ได้ติดจากสุนัขขี้เรื้อน ไม่ได้เกิดจากการร่วมประเวณีกับผู้หญิงที่มีประจำเดือน ไม่ติดต่อทางอาหารและน้ำ หรือเกิดจากการกินของแสลง เช่น หูฉลาม เป็ด ห่าน เป็นต้น


ตรวจโรค: โรคเรื้อน (Leprosy) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/symptom-checker

4
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” ตราเอ็มเมด แพ็ค 7 ซอง/กล่อง

เหนื่อย เฉื่อย ชา ล้าสมอง
แฮงก์ มึนตึบ ง่วงนอน

ต้อง เอ็มเมด ออน เลย
แค่ฉีกแล้วเทใส่ปาก ดูดซึมไว หายมึนตึบ

วิตามินที่เป็นผง ละลายในปาก ดูดซึมได้ดีกว่า วิตามินที่เป็นเม็ด
จะเล่นเกมส์หนัก ดูซีรี่ย์ดึก ทำงานกะดึก
ตื่นสายแค่ไหน ก็แค่ ฉีกซอง กรอกปาก แล้วดื่มน้ำตาม
สดชื่นทันที ขับขี่ปลอดภัย พร้อมทุกสถานการณ์
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน วิตามินผงละลายในปาก
ดูดซึมไว ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ทันที
ปลอดภัยกว่า ควบคุมโดยเภสัชมหิดล

ส่วนประกอบสำคัญ ใน เอ็มเมด ออน
L-Glutamine (100%) 200 mg.
Coenzyme Q10 (10%) 50 mg.
Goji berry extract 50 mg.
Zinc amino acid chelate (20%) 50 mg.
L-Glutathione (100%) 50 mg.
Blueberry juice powder 50 mg.
Taurine (100%) 20 mg.
Niacinamide (B3) (100%) 20 mg.
Thiamine hydrochloride (B1) 1 mg.

ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน
ผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกาย ด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย
เลขที่ใบจดแจ้ง อย : 13-1-15859-5-1159
รับประทานวันละ 1 ซอง (3 กรัม)
เทผลิตภัณฑ์กรอกใส่ปาก เคี้ยว ก่อนกลืน ดื่มน้ำตาม

สารกระตุ้น ที่ขายในท้องตลาด
ปลอดภัยกับร่างกายมากน้อยแค่ไหน!!!
ส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่!!!
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเภสัชมหิดล
สำหรับคนนอนดึก เข้ากะดึก ง่วง หงาว หาว อยากนอน
แค่ ฉีก ซอง ใส่ปาก แล้วดื่มน้ำตาม ก็ช่วยให้ร่างกายรู้สึก สดชื่น ได้ทันที
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กล่อง      315    บาท
2 กล่อง      599    บาท
3 กล่อง      859     บาท

สนใจสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” (ตราเอ็มเมด)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์ https://mmed.com/promotions/




5
รู้จัก Doctor At Home
Doctor at Home คือแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอาการเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ข้อมูลโรคที่รอบด้าน ทั้งอาการ สาเหตุ วิธีรักษา การป้องกัน ไปจนถึงการดูแลตนเอง อีกทั้งยังรวมข้อมูลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งคัดสรรมาเพื่อผู้ใช้งานของเรา

Doctor at Home โปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
เป็นการตรวจอาการเบื้องต้นแบบ interactive ที่จะทำให้ผู้ใช้งานรู้ข้อมูลเบื้องต้นของโรคที่อาจจะเป็น รวมไปถึงวิธีปฏิบัติตัวเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ โดยโปรแกรมนี้ได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1” ของ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาจัดทำให้ใช้งานได้บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน LINE

ข้อมูลโรค พร้อมโปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อมูลโรค อาการ สาเหตุ การป้องกันและการรักษา เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง โดยเราได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2” โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และข้อมูลโรคที่ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนเพิ่มเติมมารวบรวมไว้ในเว็บไซต์ของเรา
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่หลังจากอ่านข้อมูลโรคแล้ว ท่านยังสามารถตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์
มีแล้วอุ่นใจ เจ็บป่วย ช่วยเหลือฉุกเฉิน แค่ Add LINE @DoctorAtHome ให้มาเป็น “หมอประจำบ้าน” คอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ

ไลน์ ID  :  @DoctorAtHome
เว็บไซด์: https://doctorathome.com/




6
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



7
เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ - พรานนก (Setthasiri Ratchapruek - Phran Nok)
เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ - พรานนก โครงการบ้านจาก แสนสิริ บ้านเดี่ยวสไตล์ Georgian แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมในยุค British Georgian การเลือกใช้วัสดุที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้นสะท้อนความงดงามในแบบอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันพร้อมให้ลูกบ้านใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ - พรานนก (Setthasiri Ratchapruek - Phran Nok)
 เจ้าของโครงการ         แสนสิริ
 แบรนด์ย่อย               เศรษฐสิริ
 ราคา                       เริ่มต้น 35 ลบ. (ณ. วันที่ 9 พ.ค. 67)
 ประเภทบ้าน               บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล              บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ             17 ไร่ 3 งาน 3 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน                 35 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด            2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน                 ตั้งแต่ 105 ถึง 127 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย               ตั้งแต่ 345 ถึง 462 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                 2 ชั้น
 หน้ากว้าง                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน           ตั้งแต่ 4 ถึง 5 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ           ตั้งแแต่ 3 ถึง 4 คัน
 สาธารณูปโภค             สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (พื้นที่ปลูกผักสวนครัว สำหรับทุกคน), สนามเด็กเล่น, Co-working space

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน                  บางแค, ตลิ่งชัน, ทวีวัฒนา, ภาษีเจริญ
 ที่ตั้ง                  ถนนพรานนก - พุทธมณฑลสาย 4 แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานี(ท่าพระ - บางซื่อ)(ไฟฉาย)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานี(หัวลำโพง - บางแค)(บางหว้า)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนพรานนก - พุทธมณฑล สาย 4, ถนนจรัญสนิทวงศ์, ถนนบรมราชชนนี)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ไลฟ์สไตล์
แม็คโคร จรัญฯ 4.2 กม.
เดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ 4.8 กม.
ห้างเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า 6.3 กม.

 

สถานศึกษา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 8.6 กม.
มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา 19.5 กม.

 

โรงพยาบาล
โรงพยาบาลธนบุรี 4.6 กม.
โรงพยาบาลศิริราช 5.4 กม.
โรงพยาบาลเจ้าพระยา 7.6 กม.

 ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

โครงการบ้านใหม่ 2024: เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ - พรานนก (Setthasiri Ratchapruek - Phran Nok) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/news/

8
เชื้อร้าย ฝุ่น มลภาวะเปลี่ยนปอดพัง เป็นปอดปัง ตัวช่วยสำคัญ “กระชายพลัส เอ็มเมด”บรรเทาอาการนอนน้อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย

คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ 100%

จากงานวิจัยกระชาย มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชาย 4 ชนิด คือสาร Pinostrobin, Pinicembrin, Panduratin A และ Alpinetin ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผู้ป่วย ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียได้

จากงานวิจัยกระชาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นความสำคัญของ สารสกัดกระชายขาว จึงได้วิจัย พัฒนา และ สกัดสารสำคัญของกระชายขาว ที่มีคุณภาพ
จึงเป็นที่มาของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)

ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      199    บาท
2 กระปุก      359    บาท
3 กระปุก     499     บาท


เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร

ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก

สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/



9
อาหารที่คุณกินเป็นส่วนที่สำคัญในการบำรุงสุขภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานผักและผลไม้ตามธรรมชาติที่ช่วยรักษาสุขภาพ การจำกัดอาหารประเภทไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลให้น้อยที่สุดก็ช่วยร่างกายได้เช่นเดียวกัน ซึ่งอาหารไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายโดยรวมของเราแข็งแรงขึ้น แต่อีกหนึ่งข้อดีของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ก็คือการช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ลดรอยตำหนิต่าง ๆ เช่นพวกรอยดำ รอยแดง รอยสิว รวมถึงยังช่วยลดริ้วรอยให้ผิวของเราดูอ่อนกว่าวัยได้ด้วย

   
การเลือกรับประทานอาหารสามารถส่งผลต่อผิวพรรณของคุณได้มากกว่าที่คิด เพราะในอาหารจะมีสารอาหารเฉพาะที่ผิวต้องการ และยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็ต้องการสารอาหารเหล่านี้มากขึ้นเพื่อไปบำรุงผิว การรับประทานอาหารที่หลากหลายและอุดมด้วยสารอาหาร จะไม่เพียงแต่ลดรอยตำหนิบนผิวเท่านั้น แต่ยังช้วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย เพิ่มความกระจ่างใส และช่วยบำให้ผิวของเราแข็งแรงขึ้นด้วย

 
6 อาหารต้านริ้วรอย


1. ปลาแซลมอน

ปลาแซลมอนอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ช่วยต่อสู้กับการอักเสบ สามารถช่วยให้ผิวแข็งแรง ยิ่งไปกว่านั้น กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ จากการศึกษายังแสดงให้เห็นว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ในปลาแซลมอนยังสามารถช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียคอลลาเจนและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากแสงยูวี นอกจากแซลมอน คุณยังสามารถได้รับโอเมก้า 3 จากปลาที่มีไขมันอื่น ๆ เช่น แฮร์ริ่ง ทูน่า และแองโชวี่

 
2. ไข่

ไข่เป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อผิว จากการวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานโปรตีนน้อยมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอในแต่ละวัน เนื่องจากเราทุกคนต้องการโปรตีนจากอาหารมาทำให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงและนุ่มเนียน ไข่ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นต่อผิว วิตามินเอช่วยควบคุมการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งสามารถลดรอยสิว ลดความแห้งกร้าน และลดรอยเหี่ยวย่น ไข่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมายและเต็มไปด้วยไบโอตินซึ่งดีต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม รวมถึงยังมีโคลีนซึ่งดีต่อการทำงานของสมอง

 
3. เต้าหู้

เต้าหู้จัดเป็นโปรตีนจากพืช ทำจากถั่วเหลืองซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผิว และยิ่งหากคุณกำลังเข้าใกล้วัยทองหรืออยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างรวดเร็วและมีผลอย่างมากต่อผิว ผู้หญิงส่วนใหญ่จะสูญเสียคอลลาเจนประมาณ 30% ในช่วง 5 ปีแรกของวัยหมดระดู ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผิวอ่อนแอลง เกิดความหย่อนคล้อย ริ้วรอย และจุดด่างดำจะดูเด่นชัดขึ้น เต้าหู้เต็มไปด้วยสารไอโซฟลาโวนซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย สารชนิดนี้สามารถช่วยควบคุมฮอร์โมนและช่วยลดผลกระทบของวัยหมดประจำเดือนที่มีต่อผิวหนัง

 
4. มะเขือเทศ

มะเขือเทศเป็นแหล่งของไลโคปีนที่ดี ซึ่งไลโคปีนเป็นสารอาหารที่ทรงพลังที่ช่วยควบคุมระดับความชื้นในเซลล์ร่างกาย สามารถช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น ปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวและช่วยลดรอยดำได้ด้วย ไลโคปีนยังเป็นสารต้านการอักเสบที่ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยลดการระคายเคืองและรอยแดงได้ นอกจากจะเป็นอาหารต่อต้านวัยที่ดีแล้ว มะเขือเทศยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย เพราะไลโคปีนที่พบในมะเขือเทศสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิดได้

 
5. ผลไม้รสเปรี้ยว

ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาว เลม่อน ส้ม และเกรปฟรุต ล้วนเป็นแหล่งวิตามินซีที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งสามารถเพิ่มความสามารถของร่างกายในการผลิตคอลลาเจนได้ นอกจากนี้จากวิตามินซียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่คอยทำลายผิว และช่วยทำให้ผิวของคุณกระจ่างใสและมีสุขภาพดี

 
6. แครอท

แครอทอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งในตระกูลวิตามินเอ เมื่อคุณบริโภคเบต้าแคโรทีน ร่างกายของคุณจะแปลงเป็นวิตามินเอ และส่งไปทำบุงที่ผิว ผิวก็จะได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบที่เกิดขึ้นได้ แครอทยังได้ชื่อว่าเป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพดวงตา และยังสามารถบำรุงการทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวกับความจำได้อีกด้วย
 


อาหารสุขภาพ ต้านริ้วรอย อายุ 30 ปีขึ้นไปควรกินประจำ ช่วยบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

10
การเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง ที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้แทบจะทุกกรณี แต่การจัดฟันนั้น ก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันที่สวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น การจัดฟันแบบใส การจัดฟันแบบเร็ว ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมานั้น ก็จะมีข้อแตกต่างกันออกไป มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และแก้ไขปัญหาได้แตกต่างกัน เช่นเดียวกับการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันในผู้ใหญ่ แน่นอนว่าก็จะมีความแตกต่างกัน เพราะการจัดฟันในเด็กจะมีการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกัน หลายคนเคยจัดฟันในตอนเด็กและอาจจะละเลยในการสวมใส่เครื่องมือที่ต้องใส่หลังการจัดฟัน เพื่อช่วยคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พอโตมาก็อาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมา จนต้องเข้ารับการจัดฟันอีกครั้ง ก็จะเห็นในข้อแตกต่างระหว่างการจัดฟันในเด็กกับการจัดฟันตอนโต และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงข้อแตกต่างของการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันตอนโต ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เผื่อพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็อาจจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจ และจะได้เห็นข้อแตกต่างจากการจัดฟันตอนโต


ต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันในเด็ก ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยจะมีความจำเป็นมากเท่าไหร่ แต่การที่เราปลูกฝังหรือส่งเสริมบุตรหลานของท่านในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณสุขภาพช่องปากและฟันที่มีความผิดปกติของการขึ้นของฟัน หรือแม้กระทั่งการที่บุตรหลานของท่านมีพฤติกรรมการดูดนิ้ว จนอาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน ต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถเริ่มจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 7-15 ปี เพราะในวัยนี้ ฟันน้ำนมจะหลุดออกหมดแล้ว และฟันแท้ก็ขึ้นครบแล้ว ซึ่งการจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นประโยชน์ นอกจากจะทำให้เด็กมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามตั้งแต่เด็กแล้ว ยังสามารถทำให้เด็กมีรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจและยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เมื่อมีฟันเรียงสวย ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น สำหรับการจัดฟันตอนโตนั้น ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมมาก เพราะผู้ใหญ่บางคนก็มีปัญหาเกี่ยวกับฟันที่มีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันเก ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ


การรับประทานอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้การบดเคี้ยวอาหารนั้น ไม่ดีเท่าที่ควร และยังส่งผลต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วย ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาได้ จึงเลือกใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟัน เพื่อที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟัน แต่การจัดฟันสำหรับผู้ใหญ่ ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การจัดฟันในผู้ใหญ่อาจจะช้ากว่าการจัดฟันในเด็ก และมีข้อจำกัดมากกว่าเด็ก เนื่องจากเด็กอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี การเคลื่อนฟันในเด็กเลยมักง่ายกว่า มีผลแทรกซ้อนน้อยกว่า ต่างกับการจัดฟันในผู้ใหญ่ที่ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมถอย แต่อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ก็จะต้องดูความเหมาะสม ตามภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย


ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต นั้น ก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของ ข้อจำกัดในเรื่องของอายุ สภาพของร่างกาย อัตราการเคลื่อนของฟัน รวมไปถึงการตอบสนองต่อการรักษา แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้เช่นเดียวกัน  หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันของท่านได้อย่างตรงจุดและถูกต้อง เพราะทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี อยากให้มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

การจัดฟันเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต ต่างกันอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

11
หลังจากเปิดตัวกระบะแต่งในชื่อ Mitsubishi Triton Athlete ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งทั้งในยอดขายและความนิยมจนกลายเป็นอีกทางเลือกสำหรับสิงห์รถกระบะที่อยากได้คความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

ล่าสุด มิตซูบิชิ เปิดตัวแล้วสำหรับ New Mitsubishi Triton Athlete ยกระดับความสปอร์ตและความพรีเมียมอย่างเหนือชั้น พร้อมด้วยสมรรถนะการฝ่าอุปสรรคไปบนเส้นทางออฟโรดอันสมบุกสมบัน และความครบครันของเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่งหล่อรอบคันไม่ว่าจะเป็น ชุดแต่งสีดำรอบคันตั้งแต่ ชุดแต่งกระจังหน้า กระจกมองข้าง ที่เปิดประตู หลังคา บันไดข้าง ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 สปอร์ตบาร์ดีไซน์ใหม่ กันชนหลัง และพื้นปูกระบะ พร้อมสัญลักษณ์ Athlete บ่งบอกความเป็นกระบะพันธุ์เข้มที่หาตัวจับยาก บนดีไซน์แกร่ง Advanced Dynamic Shield ผสานเข้ากับเส้นสายอันดุดันของฝากระโปรงหน้า พร้อมไฟหน้า Projector Bi-LEDและไฟ LED Daytime อยู่ในโคมเดียวกันติดตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้น พร้อมกันชนหน้าดีไซน์เท่พร้อมไฟตัดหมอกหน้า ตัวถังออกแบบลงตัวด้วยส่วนโค้งมนตัดกับเส้นสายอันโฉบเฉี่ยวพร้อมซุ้มล้อขนาดใหญ่เน้นความแข็งแกร่ง รวมถึงชุดไฟท้ายและไฟเบรก LED


ภายในเพิ่มความเร้าใจด้วยโทน ดำ-ส้ม ด้วยเบาะนั่งกึงหนังแท้ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังเดินด้ายส้ม และขอบคอนโซลเกียร์หุ้มหนังสัมผัสสีส้ม พร้อมออพชั่นยกชุกจากรุ่นปกติ ทั้งกระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา แอร์เพดานพร้อมแผงควบคุมบนหลังคา พร้อมมาตรวัดเรืองแสงกับจอแสดงข้อมูล MID 3 มิติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั้นดีไซน์เดิม และเครื่องเล่น DVD –NAVI จอสัมผัส 7 นิ้ว


ขุมพลังคงเดิมด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที พร้อม เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม Sport Mode มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อ และ สี่ล้อแบบ Super Select 4WD II เสริมระบบ Off Road Mode เข้ามา แบ่งเป็นสี่โหมดสำคัญ ได้ แก่ Gravel , Mud/ Snow , Sand และ Rock (ในตำแหน่ง 4LLc - ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำเท่านั้น) กับ ระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-lock และ ระบบ Auto Stop & Go ตัดและเริ่มการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ

ความปลอดภัยครบครันเช่นเดิมทั้ง ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว Forward Collision Mitigation System (FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว Ultrasonic Misacceleration Mitigation System (UMS) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตาพร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน Blind Spot Warning With Lane Change Assist (BSW with LCA) ระบบปรับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB)กล้องมองภาพรอบคัน ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด Raer Cross Traffic Alert (RTCA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control System (HDC) พร้อมถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัวและป้องกันล้อหมุนฟรี ASTC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist System (HSA)


New Mitsubishi Triton Athlete จำหน่ายเฉพาะรุ่น Double Cab โดยมีสีให้เลือกถึง 3 สี ทั้ง สีส้ม/หลังคาสีดำ SUNFLARE ORANGE / BLACK ROOF สีขาว/หลังคาสีดำ WHITE DIAMOND / BLACK ROOF และสีดำ JET BLACK MICA จำหน่าย 2 รุ่นย่อย

- 2.4 Athlete Plus A/T ราคา 1,035,000 บาท

- 2.4 Ahtlete 4WD A/T ราคา 1,146,000 บาท

ออล นิว ไทรทัน: New Mitsubishi Triton Athlete การกลับมาของกระบะแต่งหล่อ เริ่ม 1,035,000 บาท อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

12
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะก่อให้เกิดอาการเมาค้างแล้ว การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากบ่อยครั้งยังอาจนำไปสู่การเสพติดแอลกอฮอล์ (Alcohol Addiction) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากอาการเมาค้างมีอาการรุนแรง หรือมีสัญญาณของอาการเสพติดแอลกอฮอล์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาต่อไป


รู้จักสัญญาณของอาการเมาค้าง

เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นและเกิดอาการมึนเมาตามมา แต่เมื่อระดับแอลกอฮอล์ในเลือดลดลง อาจส่งผลให้เกิดอาการเมาค้างขึ้น โดยอาการเมาค้างมักเกิดขึ้นในตอนเช้าหลังการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากในตอนกลางคืน

วิธีแก้เมาค้างเวียนหัวง่ายๆ ที่ได้ผลจริง

1. ดื่มน้ำเปล่า

2. ดื่มน้ำขิง

3. ดื่มน้ำอัดลมกลิ่นโคล่า

4. ดื่มน้ำผึ้งมะนาว

5. กินผลไม้

6. ดื่มกาแฟดำ

7. กินไข่ต้ม

8. กินไข่ลวก

9. ดื่มเครื่องดื่มวิตามิน

10. ดื่มนมช็อกโกแลต

11. กินยาแก้ปวด

12. ดื่มน้ำเกลือแร่

13. ดื่มชาเขียว

14. ดื่มน้ำมะพร้าว

15. ดื่มน้ำใบโหระพา

16. ออกกำลังกายหรือคาร์ดิโอเบาๆ

17. กินอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต

18. ยาลดกรด

19. กินซุปหรือข้าวต้มร้อนๆ

20. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ




วิธีแก้เมาค้างเวียนหัวง่ายๆ ที่ได้ผลจริง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

13
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” ตราเอ็มเมด แพ็ค 7 ซอง/กล่อง

เหนื่อย เฉื่อย ชา ล้าสมอง
แฮงก์ มึนตึบ ง่วงนอน

ต้อง เอ็มเมด ออน เลย
แค่ฉีกแล้วเทใส่ปาก ดูดซึมไว หายมึนตึบ

วิตามินที่เป็นผง ละลายในปาก ดูดซึมได้ดีกว่า วิตามินที่เป็นเม็ด
จะเล่นเกมส์หนัก ดูซีรี่ย์ดึก ทำงานกะดึก
ตื่นสายแค่ไหน ก็แค่ ฉีกซอง กรอกปาก แล้วดื่มน้ำตาม
สดชื่นทันที ขับขี่ปลอดภัย พร้อมทุกสถานการณ์
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน วิตามินผงละลายในปาก
ดูดซึมไว ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ทันที
ปลอดภัยกว่า ควบคุมโดยเภสัชมหิดล

ส่วนประกอบสำคัญ ใน เอ็มเมด ออน
L-Glutamine (100%) 200 mg.
Coenzyme Q10 (10%) 50 mg.
Goji berry extract 50 mg.
Zinc amino acid chelate (20%) 50 mg.
L-Glutathione (100%) 50 mg.
Blueberry juice powder 50 mg.
Taurine (100%) 20 mg.
Niacinamide (B3) (100%) 20 mg.
Thiamine hydrochloride (B1) 1 mg.

ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน
ผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกาย ด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย
เลขที่ใบจดแจ้ง อย : 13-1-15859-5-1159
รับประทานวันละ 1 ซอง (3 กรัม)
เทผลิตภัณฑ์กรอกใส่ปาก เคี้ยว ก่อนกลืน ดื่มน้ำตาม

สารกระตุ้น ที่ขายในท้องตลาด
ปลอดภัยกับร่างกายมากน้อยแค่ไหน!!!
ส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่!!!
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเภสัชมหิดล
สำหรับคนนอนดึก เข้ากะดึก ง่วง หงาว หาว อยากนอน
แค่ ฉีก ซอง ใส่ปาก แล้วดื่มน้ำตาม ก็ช่วยให้ร่างกายรู้สึก สดชื่น ได้ทันที
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กล่อง      315    บาท
2 กล่อง      599    บาท
3 กล่อง      859     บาท

สนใจสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” (ตราเอ็มเมด)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์ https://mmed.com/promotions/


14
รู้จัก Doctor At Home
Doctor at Home คือแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอาการเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ข้อมูลโรคที่รอบด้าน ทั้งอาการ สาเหตุ วิธีรักษา การป้องกัน ไปจนถึงการดูแลตนเอง อีกทั้งยังรวมข้อมูลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งคัดสรรมาเพื่อผู้ใช้งานของเรา

Doctor at Home โปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
เป็นการตรวจอาการเบื้องต้นแบบ interactive ที่จะทำให้ผู้ใช้งานรู้ข้อมูลเบื้องต้นของโรคที่อาจจะเป็น รวมไปถึงวิธีปฏิบัติตัวเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ โดยโปรแกรมนี้ได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1” ของ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาจัดทำให้ใช้งานได้บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน LINE

ข้อมูลโรค พร้อมโปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อมูลโรค อาการ สาเหตุ การป้องกันและการรักษา เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง โดยเราได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2” โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และข้อมูลโรคที่ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนเพิ่มเติมมารวบรวมไว้ในเว็บไซต์ของเรา
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่หลังจากอ่านข้อมูลโรคแล้ว ท่านยังสามารถตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์
มีแล้วอุ่นใจ เจ็บป่วย ช่วยเหลือฉุกเฉิน แค่ Add LINE @DoctorAtHome ให้มาเป็น “หมอประจำบ้าน” คอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ

ไลน์ ID  :  @DoctorAtHome
เว็บไซด์: https://doctorathome.com/





15
“การสร้างแบรนด์
ก็เหมือนกับ
การสร้างพื้นที่ทำธุรกิจของคุณเอง
ถ้าคุณไม่สร้างแบรนด์ เท่ากับว่าวันนี้คุณไม่มีพื้นที่ในการทำธุรกิจ“

ครูแมกซ์
“สอนสร้างแบรนด์
สอนทำธุรกิจออนไลน์”

“การสร้างแบรนด์”
ไม่ใช่แค่การทำให้สินค้าดูสวยงาม หรือการทำโลโก้กับสีสันที่ดึงดูดเท่านั้น แต่มันคือศิลปะในการสร้างเสน่ห์ที่ลูกค้าไม่อาจต้านทานได้ มันเหมือนการทำเวทมนตร์ ซึ่งไม่ต้องการไม้กายสิทธิ์ หรือหมวกวิเศษ แต่ต้องการความเข้าใจในลูกค้าและการสื่อสารที่ตรงจุด
สมมติว่าคุณกำลังขายกาแฟ ลองนึกภาพนี้สิ…
คุณไม่ได้แค่ขายกาแฟ แต่คุณกำลังขายช่วงเวลาแห่งความสุข
บทสนทนาที่ดี และความรู้สึกที่อบอุ่นใจ ทุกครั้งที่ลูกค้าหยิบถ้วยกาแฟของคุณ
พวกเขาไม่ได้แค่ดื่ม แต่พวกเขากำลังดื่มด่ำกับเรื่องราวที่คุณเล่า
.
แบรนด์ที่ดี คือแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าจำได้ ไม่ว่าจะผ่านงานโฆษณาที่มีความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่โดนใจ หรือแม้กระทั่งการบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ ทั้งหมดนี้คือส่วนประกอบในการสร้างแบรนด์ที่สำคัญทั้งนั้น
แบรนด์ที่สามารถเล่าเรื่องราวที่ตรงใจและสร้างความแตกต่าง  จะเป็น แบรนด์ที่มีความมั่นคงและยั่งยืนในตลาด และนั่นคือเหตุผลที่การสร้างแบรนด์ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่เป็นศิลปะแห่งการเชื่อมต่อกับใจคนอย่างแท้จริง

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://www.facebook.com/Krumax181026
เว็บไซด์ : https://businesssmarttools.com/
เบอร์โทร : 093-962-6545



หน้า: [1] 2 3 ... 22
Tage : ลงโฆษณาฟรี ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google , ประกาศฟรีไม่มี หมดอายุ , ฝากร้านฟรี , ประกาศขายของฟรี ติด google , ลงประกาศฟรี 100 , ลงประกาศฟรี Post ฟรี , ลงประกาศฟรีไม่ต้องสมัคร , เว็บประกาศฟรีติดอันดับ , ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ , ฝากร้านฟรีโพสฟรี , รวมเว็บลงประกาศฟรี , ลงประกาศฟรี ติดอันดับ google , ลงประกาศฟรีออนไลน์ , เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ , ลงประกาศฟรี pantip , ลงประกาศฟรี , โพสฟรี โปรโมทฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โพสประกาศฟรี ลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี โฆษณาสินค้าฟรี , เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด เว็บลงประกาศขายฟรี โพสประกาศฟรี ติด google ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายรถฟรี โพสฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศสินค้าฟรี ลงโฆษณาฟรี เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ติด google ฝากขายฟรี ลงประกาศสินค้าฟรี , รวมเว็บลงประกาศฟรี ติด google